Header ADS

ผู้เสียหายร้อง ถูก ตร. สภ.ดงละคร เรียกรับเงิน 250,000 บาท

  “สะเทือนวงการ! ผู้เสียหายร้อง ถูกตำรวจ สภ.ดงละคร เรียกรับเงิน 250,000 บาท สร้างหลักฐานเท็จ รีดทรัพย์ผู้เสียหาย”

    วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 11:00 น. ที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก นายสุวรรณ บัวโรย ผู้ช่วยผู้เชียวชาญ ประจำตัวของ ส.ส.จรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.เขต 8 จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน พาผู้เสียหายจากกรณีที่ตำรวจ สภ.ดงละครเรียกรับผลประโยชน์ 250,000 บาท และสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อรีดเงิน

 เข้าร้องเรียขอความเป็นธรรมต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก ติดภาระกิจรับเสด็จจึงมอบหน้าที่ให้ พ.ต.อ.สวัสดิ์ ดวงแป้น ผู้กำกับสอบสวน กองบังคับการ ตำรวจภูธร  จ.นครนายก เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

  สืบเนื่องจากเหตุการณ์ วันที่ 13 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 94/3 หมู่2 ตำบลศรีจุฬา อำเภอเมือง จ.นครนายก ได้ ยึดโฉนดที่ดินและสัญญาเงินกู้ไปจำนวน 2 ฉบับซึ่ง 1 ใน 2 ฉบับนั้นไม่ได้เขียนรายละเอียดในสัญญาว่ามีผู้ใดเป็นผู้กู้เพียงลงลายมือชื่อผู้กู้ไว้และยอดเงินจำนวน 60,000 บาท   เท่านั้นแต่ข้อเท็จจริงแล้วเป็นการหยิบยืมเงินกันระหว่างคนสนิทคุ้นเคยจึงไม่ได้ลงรายละเอียดเขียน ยอดเงินที่กู้และผู้กู้ไว้เพื่อเตือนความจำว่ามีการยืมเงินกันไป 60,000 บาทและไม่เคยได้คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดแต่อย่างใด 

ซึ่งสัญญากู้ดังกล่าวเป็นชื่อของนางชาลี  เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพบสัญญาดังกล่าวจึงได้ควบคุมตัวนายรัตนชัยและบิดาไปที่ห้องสืบสวนสภ. ดงละคร และแจ้งให้ทั้งสองทราบว่าทั้งสอง ได้กระทำความผิดหลายกระทงโดยมีอัตราโทษจำคุก 5-6 ปี ทำให้ทั้งสองเกิดความกลัว โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้มาพูดคุยและเสนอว่าหากจะให้การช่วยเหลือให้คดีเบาลงต้องจ่ายเงินจำนวน 3 แสนบาทและสามารถกลับบ้านได้เลยไม่ต้องติดคุก ด้วยความกลัวจะติดคุกนายรัตนชัยจึงปรึกษาบิดาว่าจะต้องยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวเนื่องจากตนเองจะต้องไปลงสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านในอนาคต เกรงจะมีคดีติดตัวโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำ จึงได้มีการต่อรองราคาอยู่ที่ 250,000 บาท  เมื่อต่อรองราคาเสร็จทางตำรวจชุดจับกุมได้ให้บิดาของนายรัตนชัยกรอกรายละเอียดในสัญญาเงินกู้ที่ว่างเปล่าว่าได้มีการปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือนและบอกให้ทั้งสองลงลายมือชื่อในสัญญากู้ยืมให้ครบถ้วนเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในคดี

 โดยที่นายรัตนชัยและบิดาก็ไม่รู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการรับทราบข้อกล่าวหาและรับสารภาพข้อกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาเนื่องจากถูกตำรวจชุดจับกุมบอกว่าเซ็นๆไปแล้วจะได้กลับบ้าน จึงทำการลงลายมือชื่อและกรอกข้อมูลในสัญญาที่ว่างเปล่าให้ครบถ้วนตามที่ตำรวจชุดจับกุมให้คำแนะนำ และตำรวจชุดจับกุมได้ให้นายรัตนชัยไปหาเงินจำนวน 250,000 บาทมาจ่ายให้ภายในวันนี้จึงได้มีการปล่อยตัวในรัตนชัยไปโดยมีการกักตัวบิดาของนายรัตนชัยไว้ นายรัตนชัยได้ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงในการไปหาเงินโดยไปหยิบยืมเงินจากเจ้าที่ตำรวจท่านหนึ่งที่ สภ.บ้านสร้างจำนวน 150,000 บาทและเอาทองไปจำนำที่ร้านทองในอำเภอบ้านสร้าง จำนวน 75,000 บาท และเอาแหวนเพชรไปจำนำที่ร้านทองในอำเภอเมืองจังหวัดปราจีนบุรี มูลค่า 50,000 บาทและได้นำเอาโฉนดที่ดินที่มีชื่อรายรัตนชัยไปประเมินราคาที่สำนักงานเขตที่ดินจังหวัดนครนายกเพื่อเตรียมตัวไว้ใช้ในการประกันตัวเมื่อดำเนินการจนสำเร็จจึงได้กลับมาที่ห้องสืบสวน สภ.ดงละครและนำเงินจำนวนดังกล่าวส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกลุ่มจำนวน 250,000 บาท 

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม 2 ใน 3 ที่ได้ตกลงว่าจะรับเงิน 250,000 บาทได้มาพูดคุยกับนายรัตนชัยว่าให้บอกตำรวจอีกคนนึงว่าได้เงินมาเพียงแค่ 2 แสนเท่านั้นโดยทั้งสองได้เก็บเงินอีก 50,000 บาทไว้กับตัว โดยนายรัตนชัยเข้าใจว่าการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนครบถ้วนแล้วจะสามารถได้กลับบ้านได้เลยทั้นที โดยไม่มีคดีอะไรติดตัว แต่ตามข้อเท็จจริงแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวนายรัตนชัย ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนและให้เซ็นรับสารภาพว่าได้กระทำความผิด และจำเป็นต้องหาลักทรัพย์มาใช้ในการประกันตัว เมื่อรู้ว่าการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเงินไปนั้นเป็นการรีดรับเงินเรียกรับประโยชน์และไม่ได้ให้ตนเองนั้นไม่ต้องคดี จึงได้พยายามที่จะแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายครั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามปฏิเสธในการรับแจ้งความ และจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวรนัดจะส่งฟ้องไปยังอัยการจึงได้มีการปรึกษากับญาติและหาแนวทางในการที่จะต่อสู้

จึงได้ติดต่อประสานงานขอความช่วยเหลือของความเป็นธรรมมายัง นายสุวรรณ บัวโรย ผู้เชี่ยวขาญประจ่าตัว ส.ส.นายจรัส คุ้มไข่น้ำ  ส.ส.เขต 8 จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน ได้พาผู้เสียหาย เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด