Header ADS

"ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" บริจาคผลิตภัณฑ์อาหารยกระดับโภชนาการ – ความเป็นอยู่ที่ดีให้กลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ

ยูนิลีเวอร์ผนึกกำลัง  พม. สนับสนุนนโยบายรัฐบาล "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" บริจาคผลิตภัณฑ์อาหารยกระดับโภชนาการ – ความเป็นอยู่ที่ดี
ให้กลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ
 
20 กันยายน 2565 – ยูนิลีเวอร์สนับสนุนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)  ในการส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) หรือ SDGs โดยองค์การสหประชาชาติ ซึ่งจะช่วยขจัดความหิวโหย (Zero Hunger) และ การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health & Well - Being) เพื่อยกระดับโภชนาการและความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” 

นางณัฏฐิณี  เนตรอำไพ ที่ปรึกษาอาวุโสส่วนองค์กรสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ยูนิลีเวอร์มีความมุ่งมั่นมาอย่างยาวนานในการทำให้วิถีการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ โดยรับผิดชอบต่อผลกระทบของธุรกิจ ยกระดับความเป็นอยู่ โดยปกป้องชุมชนและผู้คน 

 
ซึ่งจุดประสงค์ของเราสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยสหประชาชาติในปี 2558 ซึ่งต้องการเสริมสร้างมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายที่ 2 ในเรื่องการขจัดความหิวโหย (Zero Hunger) และ เป้าหมายที่ 3 เรื่องการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health & Well-Being) บรรลุความมั่นคงทางอาหารและยกระดับโภชนาการ สร้างหลักประกันว่าคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีสำหรับทุกคนในทุกวัย การดำเนินการเหล่านี้ช่วยส่งเสริมการกระจายความเป็นธรรมและความเท่าเทียมกันในสังคม ชุมชน และท้องถิ่น เพื่อเสริมแนวคิดตามนโยบาย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ของรัฐบาลไทย โดยเราบริจาคผลิตภัณฑ์คนอร์และเบสท์ฟู้ดส์จำนวน 30,192 ชิ้น มูลค่า 1.14 ล้านบาท ให้กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยมี นายจุติ  ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานรับมอบ ซึ่งจะแจกจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ

สำหรับผลิตภัณฑ์ของเรา กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย มีความภาคภูมิใจที่จะบรรลุเป้าหมายความมุ่งมั่นของยูนิลีเวอร์ทั่วโลก นั่นคือการปรับสูตรผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อลดปริมาณเกลือ น้ำตาล และแคลอรีลง เพื่อให้ 70% ของผลิตภัณฑ์ของเราเป็นไปตามมาตรฐานด้านโภชนาการที่องค์การอนามัยโลกกำหนด 

เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่ดีด้วยการยกระดับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก เยาวชน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ประสบภัย และผู้ด้อยโอกาสทั่วประเทศ เราหวังว่าการดำเนินการของเราในการช่วยเหลือและขจัดความหิวโหยให้ประชาชน และยกระดับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในสังคมไทยและต่อผู้คนที่เราให้บริการ นางณัฏฐิณีกล่าวเสริม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (นายจุติ  ไกรฤกษ์) กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับพี่น้องประชาชน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าของแต่ละครัวเรือน ทั้งนี้ ความยากจนคือความเดือดร้อนทุกเรื่องที่พี่น้องประชาชนประสบปัญหาอยู่โดยที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง โดยการแก้ไขปัญหาแบบพุ่งเป้า 5 ด้าน ได้แก่ ด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ การศึกษา รายได้ และการเข้าถึงบริการภาครัฐ รวมถึงปัญหาความเดือดร้อนอื่น ๆ เช่น ความต้องการในด้านอาหารซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของประชาชน จึงจำเป็นต้องบูรณาการร่วมกันภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาแบบพุ่งเป้าเดียวกันโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สร้างประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างครอบคลุม ทั่วถึง และเท่าเทียม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

 

นายจุติ  กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ บริษัทยูนิลีเวอร์ได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์คนอร์และเบสท์ฟู้ดส์ให้กับกระทรวง พม. เพื่อมอบให้แก่กลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการสานต่อนโยบายรัฐบาลโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ในสังคมโลกมาเป็นเวลานาน โดยกระทรวง พม. เป็นหน่วยงานกลางในการรับบริจาคและจะส่งต่อให้กับกลุ่มเปราะบางในสังคม โดยจะเร่งนำไปมอบให้ถึงมือประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร็วที่สุด เพื่อให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค และขอขอบคุณบริษัทยูนิลีเวอร์ที่เข้ามาช่วยเหลือสังคมไทยในวันนี้ ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันบริจาคเงินและสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคมและได้รับผลกระทบจากโควิด – 19 ได้ที่ ศูนย์รับบริจาคกระทรวง พม. บริเวณชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ  กระทรวง พม. ถนนกรุงเกษม เขตป้อมปราบฯ กทม. และโทรศัพท์ 0 2659 6476 และศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการฟรี 24 ชั่วโมง

 




###





เกี่ยวกับยูนิลีเวอร์นิวทรีชั่น (Unilever Nutrition)

ในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลก เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการช่วยสร้างระบบอาหารระดับโลกที่ยุติธรรมสำหรับทุกคน นี่คือเหตุผลที่เราเปิดตัวโครงการ 'Future Foods'  หรือ อาหารแห่งอนาคต ซึ่งเป็นแผนของเราในการช่วยให้ผู้คนเปลี่ยนไปสู่การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากห่วงโซ่อาหาร

ในโลกอาหารแห่งอนาคต ยูนิลีเวอร์มุ่งมั่นที่จะ 
• บรรลุเป้าหมายการขายเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมทางเลือกที่มาจากพืชให้ได้หนึ่งพันล้านยูโรต่อปีภายในห้าถึงเจ็ดปี
• ลดขยะอาหารลงครึ่งหนึ่ง จากการดำเนินงานโดยตรงของเราตั้งแต่โรงงานสู่ชั้นวางขายสินค้า ภายในปี 2568
• เพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2568
• ลดปริมาณแคลอรี เกลือ และน้ำตาลในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเราอย่างต่อเนื่อง 

คนอร์และเบสท์ฟู้ดส์เป็นแบรนด์ภายใต้ยูนิลีเวอร์ นิวทรีชั่น ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการช่วยสร้างระบบอาหารระดับโลกที่ยุติธรรมสำหรับทุกคน เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพ ความมั่นใจ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ในปี 2564 คนอร์ ได้เปิดตัวแคมเปญ 'Eat Good Wednesday'  ซึ่งเป็นโครงการนำร่องเพื่อสนับสนุนให้คนไทยหันมาปรับพฤติกรรมการบริโภคให้มีสุขภาพดีขึ้น คนอร์ขอเปลี่ยนแปลงสังคมทั้งในปัจจุบันและอนาคตเพื่อให้เกิดการบริโภคที่ดีต่อสุขภาพอย่างยั่งยืนผ่านวัตถุดิบ Future 50 Food (F50 Food) หรือ 50 อาหารเพื่อสุขภาพและโลกที่ดีขึ้นของทุกคน 

เกี่ยวกับยูนิลีเวอร์ 
ยูนิลีเวอร์เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำของโลกด้านผลิตภัณฑ์ความงามและการดูแลส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม โดยมียอดขายในกว่า 190 ประเทศและเข้าถึงผู้บริโภค 3.4 พันล้านคนต่อวัน มีพนักงาน 148,000 คน สร้างยอดขายได้ 52.4 พันล้านยูโรในปี 2564 กว่าครึ่งของพื้นที่บริการของบริษัทอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาและตลาดใหม่ ยูนิลีเวอร์มีประมาณ 400 แบรนด์ที่พบอยู่ในทุกบ้านทั่วโลก รวมถึง บรีส, ซันซิล, คนอร์, โดฟ, ซันไลต์, วาสลีน, โอโม ไอศกรีมวอลล์ ลักส์, ซิตร้า, โคลสอัพ, คอมฟอร์ท, เทรซาเม่, เคลียร์, แอ็กซ์, เรโซน่า, พอนด์ส และแบรนด์อื่นๆ เช่น ไลฟ์บอย, เลิฟ บิวตี้ แอนด์ แพลนเน็ต, เซเว่นท์เจนเนอเรชั่น, เฮลล์แมนน์ และเซิร์ฟ

วิสัยทัศน์ของเราคือการเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจที่ยั่งยืน และเพื่อแสดงให้เห็นว่าโมเดลธุรกิจที่มีเป้าหมายและเหมาะสมกับอนาคตของเรานั้นขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าได้อย่างไร เรามีประเพณีอันยาวนานในการเป็นธุรกิจที่ก้าวหน้าและมีความรับผิดชอบ ย้อนกลับไปในสมัยของ วิลเลียม ลีเวอร์ (William Lever) ผู้ก่อตั้งของเรา ซึ่งเปิดตัวแบรนด์สบู่ ซันไลต์ (Sunlight Soap) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีเป้าหมายแห่งแรกของโลกเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว และเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารบริษัทของเราในปัจจุบัน

Unilever Compass กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนของเรา ตั้งขึ้นเพื่อช่วยให้เราส่งมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ โดยมุ่งมั่นที่จะ: 
• ทำให้สุขภาพของโลกดีขึ้น
• ทำให้สุขภาพ ความมั่นใจ และความเป็นอยู่ของผู้คน และ
• มีส่วนทำให้เกิดโลกที่ยุติธรรมและเปิดกว้างทางสังคมมากขึ้น

ในขณะที่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำในปีที่ผ่านมา เราภูมิใจที่ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำภาคส่วนในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ของ S&P สถานะ 'Triple A' ในเกณฑ์มาตรฐานด้านสภาพภูมิอากาศ น้ำ และป่าไม้ของ CDP และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบริษัทอันดับต้นๆ ในการสำรวจ Global Corporate Sustainability Leaders เป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน

ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์สินค้า: https://www.unilever.co.th/
ข้อมูลเกี่ยวกับ แผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของยูนิลีเวอร์ (USLP): https://www.unilever.co.th/planet-and-society/